มีกฎเกณฑ์ 3 ข้อ ดังนี้
1) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ /t/ และ /d/ อ่านออกเป็นเสียง /id/ เสียงภาษาไทย จะออกเสียง อิด อย่างเช่น คำว่า
- presented (นำเสนอ) อ่านออกเสียงว่า พรี เซ้น ทิด
- ended (จบ) อ่านออกเสียงว่า เอ็น ดิด
2) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ /f/,/p/, /k/,/s/, /ss/, /sh/, /ch/, /gh/ หรือ , /x/ จะอ่านออกเป็น
เสียง /t/ เสียง ภาษาไทย จะออกเสียง ทึ หรือ เทอะ เสียงพวกนี้เรียกว่า “เสียงไม่ก้อง” คือเวลาออกเสียงลองจับที่คอดูสายเสียงจะไม่สั่น มาดูตัวอย่างการออกเสียงกัน
- stopped (หยุด) อ่านออกเสียงว่า สะ ต๊อป เทอะ
- asked (ถาม) อ่านออกเสียงว่า แอค สะ เทอะ
3.) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ ตัวอื่น ๆ ตัวอย่าง เช่น /b/, /g/,/v/, /m/, /n/, /r/, /l/ ซึ่งเสียง
พวกนี้เรียกว่า “เสียงก้อง” เสียงจะสั่น จะอ่านออกเป็น เสียง /d/ เสียง ภาษาไทย จะออกเสียง ดึ หรือ เดอะ เช่น
- planned (วางแผน) อ่านออกเสียงว่า แพลน เดอะ
- loved (รัก) อ่านออกเสียงว่า เลิฟ เดอะ
1) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ /t/ และ /d/ อ่านออกเป็นเสียง /id/ เสียงภาษาไทย จะออกเสียง อิด อย่างเช่น คำว่า
- presented (นำเสนอ) อ่านออกเสียงว่า พรี เซ้น ทิด
- ended (จบ) อ่านออกเสียงว่า เอ็น ดิด
2) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ /f/,/p/, /k/,/s/, /ss/, /sh/, /ch/, /gh/ หรือ , /x/ จะอ่านออกเป็น
เสียง /t/ เสียง ภาษาไทย จะออกเสียง ทึ หรือ เทอะ เสียงพวกนี้เรียกว่า “เสียงไม่ก้อง” คือเวลาออกเสียงลองจับที่คอดูสายเสียงจะไม่สั่น มาดูตัวอย่างการออกเสียงกัน
- stopped (หยุด) อ่านออกเสียงว่า สะ ต๊อป เทอะ
- asked (ถาม) อ่านออกเสียงว่า แอค สะ เทอะ
3.) กริยาที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ ตัวอื่น ๆ ตัวอย่าง เช่น /b/, /g/,/v/, /m/, /n/, /r/, /l/ ซึ่งเสียง
พวกนี้เรียกว่า “เสียงก้อง” เสียงจะสั่น จะอ่านออกเป็น เสียง /d/ เสียง ภาษาไทย จะออกเสียง ดึ หรือ เดอะ เช่น
- planned (วางแผน) อ่านออกเสียงว่า แพลน เดอะ
- loved (รัก) อ่านออกเสียงว่า เลิฟ เดอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น